การปฏิบัติกรรมฐาน ในพุทธศาสนา มีหลายรูปแบบ กายคตาสติภาวนา เป็นกรรมฐานอีกรูปแบบหนึ่ง ที่สำคัญอย่างยิ่ง พระพุทธองค์ ได้ทรงแนะนำไว้ ให้พระสาวกได้เจริญ ได้ทำให้มาก อันจะนำไปสู่ ความเจริญก้าวหน้าของจิตใจตามลำดับ จนเกิดวิชชาและได้รับผลเป็นวิมุตติ อันเป็นผลสูงสุด ที่ได้รับจากการปฏิบัติ
จากพระสูตรกายคตาสติ พบว่า วิธีการปฏิบัตินั้น มีการพิจารณากาย ในหลายๆ รูปแบบ ทั้งที่เนื่องด้วยลมหายใจ, อิริยาบท, สัมปชัญญะ, ธาตุ , อวัยวะและส่วนประกอบต่างๆ ของร่างกาย เป็นต้น
โดยรายละเอียด ในส่วนที่พิจาณาอวัยวะและส่วนประกอบต่างๆ ของร่างกาย ขออ้างอิงจาก พระไตรปิฏกเล่มที่ ๑๔ ข้อที่ ๒๙๗ ดังต่อไปนี้
[๒๙๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุย่อมพิจารณากายนี้ แล ข้างบนแต่พื้นเท้าขึ้นไป ข้างล่างแต่ปลายผมลงมา มีหนังหุ้มอยู่โดยรอบเต็มด้วยของไม่สะอาดมีประการต่างๆ ว่ามีอยู่ในกายนี้ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า ดี เสลด น้ำเหลือง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา เปลวมัน น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนไถ้มีปากทั้ง ๒ ข้าง เต็มด้วยธัญญชาติต่างๆ ชนิด คือ ข้าวสาลี ข้าวเปลือก ถั่วเขียว ถั่วทอง งา และข้าวสาร บุรุษผู้มีตาดี แก้ไถ้นั้นออกแล้ว พึงเห็นได้ว่า นี้ข้าวสาลี นี้ข้าวเปลือก นี้ถั่วเขียว นี้ถั่วทอง นี้งา นี้ข้าวสารฉันใด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันแล ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายนี้แล ข้างบนแต่พื้นเท้าขึ้นไป ข้างล่างแต่ปลายผมลงมา มีหนังหุ้มอยู่โดยรอบ เต็มด้วย ของไม่สะอาด มีประการต่างๆ ว่ามีอยู่ในกายนี้ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า ดี เสลด น้ำเหลือง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา เปลวมัน น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร เมื่อภิกษุนั้นไม่ประมาท มีความเพียร ส่งตนไปในธรรมอยู่อย่างนี้ ย่อมละความดำริพล่านที่อาศัยเรือนเสียได้ เพราะละความดำริพล่านนั้นได้ จิตอันเป็นไปภายในเท่านั้น ย่อมคงที่ แน่นิ่งเป็นธรรมเอกผุดขึ้น ตั้งมั่น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้ ภิกษุก็ชื่อว่าเจริญกายคตาสติ ฯ
การพิจารณาอวัยวะและส่วนประกอบต่างๆ ของร่างกาย ตามที่กล่าวข้างต้น หากได้ทำการพิจารณากับร่างกายจริงได้ จะเกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติภาวนาของพระภิกษุเป็นอย่างยิ่ง ทางกลุ่มอยู่เย็นเป็นประโยชน์จึงเห็นควรมีการจัดโครงการ “กายคตาสติภาวนา” ขึ้นและมีช่วงที่นิมนต์พระภิกษุพิจารณาอวัยวะและส่วนประกอบของร่างกายจริง ที่โรงพยาบาลฯ ที่เอื้อเฟื้อร่วมจัดโครงการฯ นี้
โดยทางกลุ่มอยู่เย็นเป็นประโยชน์ หวังว่าการจัดโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนช่วยส่งเสริมสนับสนุนการภาวนาของพระภิกษุ ที่เข้าร่วมโครงการ ให้มีความเจริญก้าวหน้า ได้รับผล จากการปฏิบัติ กายคตาสติภาวนา จนนำไปสู่วิชชาและวิมุตติ อันเป็นผลสูงสุดในพระพุทธศาสนา ดังรายละเอียดที่อ้างอิงจากพระไตรปิฏก เล่มที่ ๒๐ ข้อที่ ๒๒๖ ดังต่อไปนี้
[๒๒๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมข้อหนึ่งซึ่งบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้ มากแล้ว เป็นไปเพื่อความสังเวชใหญ่ เป็นไปเพื่อประโยชน์ใหญ่ เป็นไปเพื่อความเกษมจากโยคะใหญ่ เป็นไปเพื่อสติและสัมปชัญญะ เป็นไปเพื่อได้ญาณทัสสนะ เป็นไปเพื่ออยู่เป็นสุขในปัจจุบัน เป็นไปเพื่อทำให้แจ้งซึ่งผล คือวิชชา และวิมุตติ ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมข้อหนึ่งนี้แลบุคคลอบรมแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความสังเวชใหญ่ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ใหญ่ ย่อมเป็นไปเพื่อความเกษมจากโยคะใหญ่ ย่อมเป็นไปเพื่อสติและสัมปชัญญะ ย่อมเป็นไปเพื่อได้ญาณทัสสนะ ย่อมเป็นไปเพื่ออยู่เป็นสุขในปัจจุบัน ย่อมเป็นไปเพื่อทำให้แจ้งซึ่งผล คือ วิชชาและวิมุตติฯ
วันที่หนึ่ง
๑๘.๐๐ น. - ๑๙.๐๐ น. ทำกิจส่วนตัว
๑๙.๐๐ น. - ๑๙.๓๐ น. ร่วมสาธยาย พระสูตร เนื่องด้วย กายคตาสติภาวนา
๑๙.๓๐ น. - ๒๑.๐๐ น. เสวนา แลกเปลี่ยน เรื่องรู้ เนื่องด้วย กายคตาสติภาวนา
๒๑.๐๐ น. - ๒๑.๔๕ น. ปฏิบัติภาวนา ร่วมกัน
๒๑.๔๕ น. - ๒๒.๐๐ น. ทำกิจส่วนตัว
๒๒.๐๐ น. - ๐๔.๔๕ น. พักผ่อน
วันที่สอง
๐๔.๔๕ น. - ๐๕.๐๐ น. ทำกิจส่วนตัว
๐๕.๐๐ น. - ๐๕.๓๐ น. ทำวัตรเช้า
๐๕.๓๐ น. - ๐๖.๐๐ น. ปฏิบัติภาวนา ร่วมกัน
๐๖.๐๐ น. - ๐๖.๓๐ น. ทำกิจส่วนตัว
๐๖.๓๐ น. - ๐๗.๑๕ น. ฉันภัตตาหารเช้า
๐๗.๑๕ น. - ๐๙.๐๐ น. เดินทางไป โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
๐๙.๐๐ น. - ๑๑.๓๐ น. ภาวนาโดยการ พิจารณาส่วนประกอบของกาย
๑๑.๓๐ น. - ๑๒.๓๐ น. ฉันภัตตาหารเพล
๑๒.๓๐ น. - ๑๓.๓๐ น. ร่วมแลกเปลี่ยน เสนอแนะ
๑. พระภิกษุ ที่เข้าร่วมโครงการ ได้รับประโยชน์ตน มีความก้าวหน้าในการปฏิบัติ
๒. พระภิกษุ ที่เข้าร่วมโครงการ ได้ร่วมทำประโยชน์ ให้กับพระภิกษุ รูปอื่นๆ อันนำไปสู่ ความเป็นสังฆะ ในการปฏิบัติธรรม
๓. พระภิกษุ ที่เข้าร่วมโครงการ สามารถดำรงตน อยู่ในเพศบรรพชิต ได้อย่างสงบสุข ยาวนาน
๔. เพิ่มพระภิกษุ ผู้มีปฏิปทาในการปฏิบัติธรรมอันดี อันจะเป็นหลักในการสืบสานการพระศาสนาต่อไป
๕. เกิดความร่วมมือของฆราวาส ในการสนับสนุนพระภิกษุให้ได้ดำรงเพศบรรพชิตได้อย่างดี
๖. เป็นตัวอย่างให้องค์กรทางพระศาสนาอื่นๆ สามารถนำกิจกรรมไปทำในพื้นที่ของตน เพื่อเอื้อแก่พระภิกษุ ในส่วนต่างๆ ของประเทศต่อไป
๑. เพื่อให้พระภิกษุ ที่ได้เข้าร่วมโครงการ ได้ร่วมศึกษาเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ในเรื่องกายคตาสติภาวนา อันจะนำไปสู่ความเข้าใจชัดเจน ในพระสูตรเพื่อนำสู่การปฏิบัติที่ถูกตรง ต่อไป
๒. เพื่อให้พระภิกษุ ที่ได้เข้าร่วมโครงการได้มีโอกาสปฏิบัติร่วมกันตามแนวทางกายคตาสติภาวนาที่พระพุทธองค์ แสดงไว้
๓. เพื่อให้พระภิกษุ ได้พิจารณาความไม่งามของร่างกาย อันจะช่วยให้ละความดำริอันเกี่ยวข้องกับเรือนได้ ทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในเพศบรรพชิตได้อย่างสงบสุข
๔. เมื่อพระภิกษุ ดำรงชีวิตอยู่ในเพศบรรพชิตได้อย่างสงบสุขก็จะเป็นกำลังสำคัญในการสืบต่อพระพุทธศาสนา ต่อไป
๕. เมื่อพระภิกษุ ได้ศึกษาปฏิบัติธรรมและมีความเจริญก้าวหน้าตามลำดับ ก็จะสามารถนำความรู้อันลึกซึ้งมาเทศนาสั่งสอนฆราวาสให้เดินตามในทางที่ถูกได้ต่อไป อันเป็นการช่วยดำรงอยู่ซึ่งพระสัทธรรม
๖. เป็นโครงการนำร่อง ที่สามารถขยายผลต่อไปยังส่วนต่างๆ ของประเทศได้ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ในวงกว้าง ทำให้เกิดความยั่งยืนมั่นคงของพระพุทธศาสนาต่อไป
ยังไม่กำหนด
เชิญชวนพระภิกษุที่สนใจร่วมโครงการ โดยผ่านการแนะนำ ในช่วงเริ่มต้น และพระภิกษุแจ้งความสนใจในการเข้าร่วม จำนวน ๒๐ รูป
หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)
ถนนนิคมรถไฟสาย ๒ แขวงจตุจักร
เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ๑๐๙๐๐
โทรศัพท์ ๐๘ ๖๓๒๘ ๙๙๘๕
อีเมล This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.