หมอดูใจ ไขความสุข
ชมวิดิโอแนะนำกิจกรรมที่ https://youtu.be/i3m8XY_nsck
เป็นกระบวนการเรียนรู้ความจริงของชีวิต จิตใจ ผ่านการ์ดเข้าถึงใจ 1 : 1 โดยกระบวนการมุ่งเรียนรู้ ทำความเข้าใจ จากเรื่องที่ทำให้จิตใจไม่สบาย และเมื่อผ่านกระบวนการแล้ว จะทำให้จิตใจของผู้เข้าร่วม มีความสบาย เกิดความปลอดโปร่งมากขึ้นได้ทันที เพราะจิตเกิดปัญญา เข้าใจจิตใจตนเองมากขึ้น เห็นความจริงของชีวิตอันถูกตรง
โดยกระบวนการเรียนรู้นี้ จะนำมีอาสาที่ผ่านการอบรม เพื่อเป็นหมอดูใจ มานำกระบวนการสนทนาเรียนรู้ลงไปภายในจิตใจ เปรียบเป็น กัลยาณมิตร ผู้แนะนำ ชี้ทาง แต่ผู้เข้าร่วมกระบวนการเรียนรู้ จะเป็นผู้เรียนรู้ลงไปในจิตใจของตนเอง จนเกิดความเข้าใจโลกและชีวิตตามที่เป็นจริง จิตมีสัมมาทิฏฐิ มีมุมมองที่ถูกตรง เกิดผลเป็นความอิสระ สบายใจในที่สุด พร้อมที่จะทำหน้าที่ในโลก ด้วยความสุขต่อไป
ปัจจุบัน มนุษย์ในโลกมีปัญหาในชีวิตเกิดขึ้นกันมากมาย ทั้งในระดับบุคคล ระดับครอบครัว ระดับสังคม ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ ได้มีผู้รู้ต่างพยายาม ช่วยกันแก้ไขตลอดมา โดยมุ่งหวังให้โลกมนุษย์ มีความสงบสุข ในทุกๆ ระดับ แต่ปัญหาก็ยังเกิดขึ้นอย่างมาก ไม่ทันกับการแก้ไข
พระพุทธองค์ เป็นพุทธะ คือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ทรงเป็นผู้เชี่ยวชาญในการแก้ปัญหา ดับความทุกข์ให้กับมนุษย์ ก่อให้เกิดความสุขเย็น ได้จริง ทรงกรุณาต่อสัตว์โลก ทรงส่งสาวกออกเผยแผ่ความรู้นี้ ดังคำที่พระพุทธองค์ แสดงไว้
“ ภิกษุ ท.! พวกเธอ ท. จงเที่ยวจาริกไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่มหาชน เพื่อความเอ็นดูโลก ; เพื่อประโยชน์ เพื่อความเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่เทวดาและมนุษย์ ท.”
ด้วยความกรุณาของพระพุทธองค์ และ พุทธบริษัทสี่ ในอดีตที่ผ่านมา ทำให้ความรู้ในการทำให้มนุษย์ดับทุกข์ได้ มีความสุขเย็นเกิดขึ้น สามารถส่งต่อมายังคนรุ่นปัจจุบันทางกลุ่มอยู่เย็นเป็นประโยชน์ ได้ประโยชน์ความกรุณาของคนรุ่นก่อนนี้ จึงถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องช่วยกัน เผยแผ่ความรู้นี้ ให้คนรุ่นต่อๆ ไป เพื่อให้มนุษย์มีความสุข และถือเป็นการปฏิบัติตามพุทธประสงค์ที่พระพุทธองค์ได้ทรงมอบหมายไว้
กลุ่มฯ ได้ทำการออกแบบกระบวนการ โดยมีอุปกรณ์ “การ์ดเข้าถึงใจ” และอาสา “หมอดูใจ” ที่จะคอยเป็นกัลยาณมิตร ที่จะช่วยแนะนำให้บุคคล เกิดสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นที่ถูกตรง เกิดปัญญาและเมตตา จนนำไปสู่การแก้ปัญหาภายในจิตใจได้ ทำให้เกิดความสงบสุขภายในจิตใจ และเมื่อจิตใจสงบเย็นแล้ว จึงนำไปสู่การแก้ปัญหาภายนอกได้ ทำให้ชีวิตดำเนินไปในทางที่ดี สามารถดับทุกข์ได้ทั้งภายในและภายนอก ได้ในที่สุด
กิจกรรมหมอดูใจ ไขความสุข นั้นเป็นกิจกรรมที่จะสอดคล้องกับ คำสอนของพระพุทธองค์ที่ทรงแสดงไว้กับชาวศากยะ
“ในสักกสูตร พระพุทธเจ้าทรงสนทนากับอุบาสกชาวแคว้นศากยะจำนวนมาก ทรงซักถามได้ความยอมรับจากอุบาสกเหล่านั้นว่า คนที่ประกอบการงานอันสุจริต ไม่แตะต้องอกุศลธรรมใดๆ เลย ได้ทรัพย์วันละครึ่งเหรียญทุกวัน หรือวันละหนึ่งเหรียญ สองเหรียญ ตลอดขึ้นไปจนถึงวันละ ๑๐๐ เหรียญ ทุกวัน ย่อมสมควรจะเรียกได้ว่าเป็นคนขยันหมั่นเพียร แต่คนที่ขยันหมั่นเพียรนั้น แม้จะเก็บรักษาทรัพย์ที่ได้มาเอาไว้สักร้อยปีจนมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย ทรัพย์สมบัติกองใหญ่นั้นก็ไม่สามารถทำให้เขามีความสุขอย่างเดียวล้วนๆ ได้ แม้แต่เพียงคืนเดียว วันเดียว หรือแม้แต่ครึ่งวัน ทั้งนี้เพราะกามทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง ขาดแก่นสาร ไม่แท้จริง เป็นสิ่งที่จะต้องเลือนหายไปเป็นธรรมดาแต่ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า สามารถบรรลุผลที่ทำให้มีความสุขอย่างเดียวล้วน ได้ตลอดเวลายืดยาวนานแสนนาน"
ย่อความ พระไตรฎกเล่มที่ ๒๔ ข้อที่ ๔๖ (จาก พุทธธรรม หน้า๕๔๐, พระพรหมณ์คุณาภรณ์ ป.อ.ปยุตฺโต)
เมื่อสิ้นสุดกระบวนการ ทางกลุ่มฯ หวังว่า ผู้เข้าร่วมจะพบความสุขได้ โดยไม่ขึ้นกับปัจจัยภายนอก แต่เนื่องจากเรายังต้องอยู่ในสังคม จิตใจที่สงบสุขหลังผ่านกระบวนการ จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการจะแก้ปัญหาภายนอกให้เหมาะสมได้
๑. ผู้เข้าร่วมกิจกรรม แยกแยะปัญหาในชีวิต ที่ทำให้เกิดทุกข์ได้ว่า มี 2 แบบ คือ ทุกข์ทางกาย (ลูกศรดอก ๑) กับ ทุกข์ทางใจ (ลูกศรดอก ๒) โดยกระบวนการ จะมุ่งแก้ปัญหา ทุกข์ทางใจก่อน
๒. ผู้เข้าร่วมกิจกรรม เห็นสาเหตุ สำคัญของทุกข์ทางใจ คือความไม่รู้ความจริงของโลก ของชีวิต จิตใจ (อวิชชา) ทำให้เกิดความอยาก(ตัณหา) ความยึด(อุปาทาน) ขึ้นมา
๓. ผู้เข้าร่วมกิจกรรม สามารถ โยนิโสมนสิการ พิจารณาเรื่องราว ที่เป็นปัญหา ด้วยมุมมองต่างๆ ที่เป็นกุศล อันจะนำไปสู่การเห็นความจริงของโลก ชีวิตและจิตใจ(วิชชา) ก่อให้เกิดปัญญาและเมตตา
๔. ผู้เข้าร่วมกิจกรรม เมื่อเกิดปัญญาเห็นความจริง จิตอิสระจากสิ่งร้อยรัดเดิม จะเกิดความความสุข (นิโรธ) ขึ้นได้ในที่สุด
๕. อาสาที่เป็นหมอดูใจ ได้มีโอกาสเผยแผ่ธรรมะ พร้อมช่วยเหลือผู้อื่น ให้พบความสุข โดยถือเป็นการทำหน้าที่ของพุทธบริษัทที่สำคัญ ในการสืบต่อพระศาสนาให้ดำรงอยู่ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
๑. บุคคลที่ต้องการ มีชีวิต จิตใจที่เป็นสุข ไม่เคร่งเครียด วิตกกังวล หงุดหงิด เศร้า ฯลฯ
๒. บุคคลนั้น สามารถกำหนดรู้ทุกข์ใจได้ (ลูกศรดอก ๒) ได้ โดยยกขึ้นมาร่วมกระบวนการเรียนรู้ ๑ เรื่อง
๓. บุคคลนั้น พร้อมเรียนรู้ความจริง ตามกระบวนการที่จัดไว้
เงื่อนไขสำหรับผู้สมัครเข้าร่วมอบรม/กิจกรรม บุคคลทั่วไป ที่ไม่ได้เป็นโรคทางระบบประสาท
วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ ๑ ของเดือน เวลา ๑๑.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ. โถงโอวาทปาติโมกข์ ชั้น ๒
รอรับบัตรคิว ได้ที่บริเวณที่จัดกิจกรรม (ไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า)
ติดตามรายละเอียดได้ที่ Facebook กลุ่มอยู่เย็นเป็นประโยชน์