Recommend Print

หลักสูตรธรรมโฆษณ์ศึกษา ๑๐๑ ศึกษาชีวิต จากพุทธดำรัส

ธรรมโฆษณ์ศึกษา ๑๐๑ : “การศึกษาชีวิต จากพุทธดำรัส”

20160127 101sm

 

ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม คลิ๊กที่นี่


ปัจจุบัน ปริยัติที่คนรุ่นใหม่ใช้ในการศึกษาศาสนา มีมากมาย หลายระดับ ตั้งแต่ พระไตรปิฏก อรรถกถา คัมภีร์ เทศนา ของครูบาอาจารย์ต่างๆ  และในบางครั้งมีความเห็นไม่ตรงกัน ทั้งจากความเข้าใจในธรรมเอง และศัพท์บัญญัติ ที่มีการบัญญัติกันขึ้นมาเอง ก็มีเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน  เกิดการถกเถียงกันขึ้น แต่ก็ไม่ได้ข้อยุติ ทั้ง ๆ ที่พระพุทธองค์ ได้มอบ “พระธรรมและพระวินัย” ให้เป็นศาสดาต่อมา แต่ผู้ที่ศึกษาก็ยังมีจำนวนน้อย เมื่อเทียบกับคนที่นับถือพุทธศาสนาในปัจจุบัน

ดังนั้น การส่งเสริมให้มีการศึกษา พระสูตร ซึ่งเป็นปริยัติที่สำคัญในพระพุทธศาสนา เพราะเป็นคำที่พระพุทธองค์ทรงดำรัสเองให้มากขึ้น จะเป็นการช่วยเพิ่มบุคคลที่จะเป็นกำลังสำคัญต่อไปในการสืบต่อพระศาสนาให้ถูกตรงต่อไป

โดยพระสูตร ที่นำมาใช้ประกอบการอบรม จะใช้จาก ธรรมโฆษณ์ ชุด จากพระโอษฐ์ ของท่านพุทธทาส ที่ท่านได้ทำการแปลพระสูตร ไว้เป็นอย่างดีแล้ว พร้อมทั้งแบ่งตามหมวดหมู่ของธรรม ไว้เป็นอย่างดี ทำให้หากผู้เข้ารับการอบรม มีความสนใจรายละเอียดมากขึ้น ก็สามารถทำการศึกษาต่อได้อย่างสะดวก

นอกจากนี้ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมการอบรม ที่อาจยังไม่ชินกับคำศัพท์ บัญญัติต่างๆ ในพระสูตร สามารถทำความเข้าใจพระสูตรได้ จึงนำเสนอหัวข้อที่จะทำการอบรม ด้วยภาษาที่ร่วมสมัยมากขึ้น โดยหวังว่าจะทำให้ผู้เข้ารับการอบรมเห็นชัดเจนว่า สิ่งที่พระพุทธองค์สอน นั้นมีความสำคัญต่อชีวิตเป็นอย่างยิ่ง  ที่ต้องศึกษา และนำไปปฏิบัติ เพื่อพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น 

หลักคิดและวัตถุประสงค์

๑. เพื่อให้ผู้เข้าอบรม รู้จักคำศัพท์ คำบัญญัติ พื้นฐาน ที่เป็นส่วนสำคัญในการศึกษา เช่น อวิชชา, ขันธ์ห้า, อุปาทานขันธ์, อายตนะหก, เวทนา, ตัณหา ฯลฯ เป็นต้น เพื่อให้เป็นคำที่จะใช้สนทนาแลกเปลี่ยนกันต่อไป  โดยไม่บัญญัติ คำขึ้นมาใหม่  เพราะมีความเข้าใจที่เพียงพอ ในศัพท์ต่างๆ เป็นอย่างดี

๒. การใช้ พระสูตร เป็นส่วนสำคัญในการอบรม เพื่อให้เกิดการทดลองอ่าน ทำความเข้าใจ ส่งเสริมให้คนหันมาศึกษากันมากขึ้น นอกจากนี้ จะเป็นการป้องกันความผิดพลาดในการศึกษาที่จะนำไปสู่มิจฉาทิฏฐิได้ เนื่องจาก มีพระสูตรคอยกำกับไว้ และยังช่วยส่งเสริมกำลังใจในการปฏิบัติตามปริยัติที่ทำการศึกษา เพราะเชื่อได้แน่ว่าจะถูกตรง

๓. การทำกิจกรรม จะให้มีการอ่านพระสูตร และทำความเข้าใจมาก่อน แล้วมาแลกเปลี่ยน ทำให้เกิดการสื่อสารแบบ ๒ ทางซึ่งคาดว่าจะเกิดประโยชน์ อย่างยิ่งในการเรียนรู้ มากกว่าการเรียนรู้ทางเดียว

๔.การมุ่งศึกษา เรื่องชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถรู้และเห็นได้กันทุกคน ทำให้เกิดการ โยนิโสมนสิการ กันได้  ซึ่งการโยนิโสมนสิการได้เองนั้น เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิอย่างสมบูรณ์ได้ และทำให้เกิดการนำไปทดลอง พิสูจน์ ได้ด้วยตนเอง และได้ผลในทันทีได้ ซึ่งเป็นการใช้ปัญญาในระดับ ภาวนามยปัญญา

๕. อานาปานสติ มีส่วนสำคัญอย่างมาก ในการทำให้คนมีความสามารถ ที่สูงขึ้นในการพิจารณา ทำความเข้าใจความจริงของชีวิต และยังเป็นปัจจัยสำคัญเพื่อการพัฒนาชีวิตให้สูงขึ้นไปจนสู่สิ่งสูงสุดของชีวิตได้ ดังมีอานิสงส์ที่พระพุทธองค์แสดงอยู่ว่า

“เมื่ออานาปานสติอันบุคคลเจริญแล้วทำให้มากแล้ว ย่อมทำสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์; สติปัฏฐาน ๔ อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมทำโพชฌงค์ทั้ง ๗ ให้บริบูรณ์; โพชฌงค์ทั้ง ๗ อันบุคคลเจริญแล้วทำให้มากแล้ว ย่อมทำวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์ได้”

เมื่อคนเห็นความสำคัญดังกล่าวอย่างแท้จริงการมีฉันทะในการปฏิบัติจะเกิดขึ้นในที่สุด


web_dhammakote

การอบรมหลักสูตรนี้เหมาะสำหรับ

๑. บุคคลที่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่อง มากกว่า ๘๐% หรือไม่ควรขาดเกิน ๒ ครั้ง จาก ๘ ครั้ง

๒. บุคคลที่ให้ความสำคัญ ในการอ่านพระสูตรที่แจกให้ล่วงหน้าได้ 

๓. บุคคลที่สนใจเรื่องของชีวิต ต้องการเข้าใจชีวิต และต้องการพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น

๔. บุคคลที่เห็นประโยชน์ในการ นำปริยัติ ที่ศึกษา (สุตมยปัญญา จินตามยปัญญา) ไปทดลองปฏิบัติในชีวิตจริงทำให้เห็น   ชีวิตตามที่เป็นจริง (ภาวนามยปัญญา)

๕. บุคคลที่พร้อมจะร่วมทำการแลกเปลี่ยนในห้อง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ร่วมกัน

ลักษณะกิจกรรม

  • เป็นกิจกรรมให้ห้องเรียน มีการเขียนอธิบาย ความสัมพันธ์ของธรรม (ปริยัติ)
  • อาศัยเครื่องมือคือ พระสูตร ที่แจกให้อ่านล่วงหน้า
  • เมื่ออ่านพระสูตรแล้ว นำไปสู่การพิจารณาจิตใจในชีวิตประจำวัน เพื่อให้เกิดการทดลองนำปริยัติไปปฏิบัติเบื้องต้น ให้เห็นด้วยตนเอง
  • มีการแลกเปลี่ยนในห้องเรียน โดยใช้ตัวอย่างที่แต่ละคนได้เห็นจริงๆ โดยหลีกเลี่ยงการถกเถียงจากการคิดนึก

จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม

ผู้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ  ๘๐  คน

หัวข้อหลักสูตร

๑. สงสัยชีวิต ศึกษาชีวิต มีขอบเขตแค่ไหน?

๒. ชีวิตคืออะไร ต้องการอะไรกันแน่ ?

๓. สิ่งใดหนอ ควบคุมชีวิต ?

๔. ชีวิตมีสุข ชีวิตมีทุกข์ ทางออกสู่ชีวิตที่เย็น 

๕. การรู้จักปัญหาในชีวิต คือจุดเริ่มแห่งปัญญาของชีวิต

๖. ต้นเหตุแท้จริงของปัญหาในชีวิตคืออะไร ?

๗. ชีวิตอิสระ เบาสบาย มีได้เมื่อใช้ชีวิตถูกต้อง 

๘. สมถะและวิปัสสนา นำพาสู่สุขเย็น(เงินซื้อไม่ได้) 

วันเวลาและสถานที่

ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.bia.or.th/html_th/events/2012-03-12-09-31-10/item/618-1456.html

ติดต่อสอบถามรายละเอียด

ธรรมภาคี กลุ่มอยู่เย็น เป็นประโยชน์ คุณวุฒิ  โทร. ๐๘ ๑๘๓๕ ๔๕๙๕  (กรุณาโทรเฉพาะช่วงกลางวัน)